สาวน้อยประแป้ง อันตรายปลูกไว้ห่างเด็กๆ

สาวน้อยประแป้ง อันตรายปลูกไว้ห่างเด็กๆ
                สาวน้อยประแป้ง ไม้ประดับหาง่าย ที่คนไทยเรานิยมปลูก ชื่อน่ารักๆอย่างนี้ ใบ ลำต้น และน้ำยาง ก็มีพิษที่ทำอันตรายต่อคนได้..


                สาวน้อยประแป้ง เป็นไม้ประดับที่หาได้ไม่ยากในเมืองไทย นิยมปลูกเป็นไม้กระถาง ประดับไว้ตามสวนเล็กๆ หน้าบ้าน หรือจุดต่างๆในบริเวณบ้าน สาวน้อยประแป้ง ยังมีชื่ออื่นๆที่เรียกัน เช่น ว่านหมื่นปี ว่านเจ้าน้อย มหาพรหม และอีกหลายๆชื่อ  สาวน้อยประแป้งนี้ เป็นไม้ล้มลุก ถ้านับเป็นกระถางก็จัดกว่าเป็นไม้กระถางขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ก็ไม่เล็ก ต้นโตๆก็สูงราวๆ เอว ถึงหน้าอกของคนเรา ประมาณนี้

                ใบ ลำต้น และน้ำยาง ของสาวน้อยประแป้งนี้ มีพิษอยู่พอสมควร และมากพอที่จะทำอันตรายต่อคนได้ อาจจะต้องระวังหน่อย สำหรับคนที่ไม่แพ้ยางของสาวน้อยประแป้งก็ถือว่าโชคดี แต่สำหรับคนที่แพ้ก็จะแสดงอาการมาก อาจจะถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ากินเข้าไปแล้วล่ะก็ อาจจะได้รับผลจากพิษของสาวน้อยประแป้งนี้อย่างหนัก ฉนั้น ควรระวังเด็กเล็กให้ดี กำลังเพิ่งเดินได้ เล่นซน เห็นอะไรก็เก็บเข้าปาก ไปฉีกใบสาวน้อยประแป้งมาเคี้ยวเล่นนี้ ต้องส่งโรงพยาบาลให้ไวเลยนะครับ

                สารพิษที่พบในสาวน้อยประแป้งนี้คือ Calcium oxalate ซึ่งมีลักษณะทางโครงสร้างเป็นผลึกรูปเข็ม ซึ่งอาการเกิดพิษที่เกิดจากผลึกรูปเข็ม ของแคลเซียมออกซาเลทนี้ จะทิ่มแทงผิวหนัง หากกินเข้าไปจะทำให้ระคายเคื่องทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปากและลำคอ จะรู้สึกเจ็บ ปวดร้อนที่ลิ้นและเยื่อบุช่องปาก ผิวหนังที่สัมผัสน้ำยาง อาจจะเกิดอาการบวมแดงได้ นอกจากนี้ ในสาวน้อยประแป้งยังมีสารจำพวกโปรตีน และเอนไซม์ที่ย่อยโปรตีนได้ ทำให้ปาก ลิ้น และคอ บวมเป็นตุ่มใสได้

                แม้ว่าอาการพิษที่เกิดจากสาวน้อยประแป้ง จะไม่มีให้เห็นเท่าไหรนัก และบางแหล่งข้อมูล ก็ให้ข้อมูลว่า สาวน้อยประแป้ง ไม่ได้มีพิษร้ายแรง ถ้าไม่ได้กินเข้าไป แต่เพราะว่า สาวน้อยประแป้ง มีอยู่ทั่วไป จึงควรระวังเด็กในความดูแลของเราด้วย

                สำหรับการรักษาพิษที่เกิดจากสาวน้อยประแป้ง หากเป็นการสัมผัสที่ผิวหนัง แล้วเกิดอาการคัน ระคายเคือง และแพ้ ให้ล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด และอาจจะทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสพช่วยได้ระดับหนึ่ง หากเกิดพิษจากการเคียว กลืน กิน ให้รีบนำส่งแพทย์โดยด่วน และเล่าอาการ และสาเหตุ ให้แพทย์ฟังโดยละเอียด


ข้อมูลอ้างอิง medplant.mahidol.ac.th

ที่มา : http://www.farmkaset.org/html5/contents.aspx?con_id=01919#

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น