การเพาะกล้าพืชใช้ได้กับพืชทุกชนิด
การปลูกพืชให้ประสบผลสำเร็จสูงและลดค่าใช้จ่ายได้
ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง นับจากเมล็ดพันธุ์พืชที่ใช้
จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต และถ้าจะให้ดี
เกษตรกรควรเริ่มต้นจากการหาเมล็ดพันธุ์ที่ดี แล้วนำมาเพาะกล้า
การเพาะข้าวในถาด
การเพาะกล้าให้ต้นแข็งแรงและให้ผลผลิตสูง
การเพาะกล้าพืชที่ถูกต้อง มีขั้นตอน ดังนี้
1. ต้องเลือกเมล็ดพันธุ์พืชที่มีคุณภาพที่ดี
คือ ทนต่อโรคและแมลง,
เปอร์เซ็นต์ความงอกสูง รวมทั้งดูวัน เดือน ปี
ที่ผลิตว่ายังไม่หมดอายุ
2. ถ้าเมล็ดพืชที่เพาะมีเปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง ควรกระเทาะหรือลอกเปลือกออก
วิธีการนี้จะช่วยให้เมล็ดงอกเร็วขึ้นกว่าการเพาะเมล็ดทั้งเปลือก
พืชที่นิยมลอกเปลือกหุ้มเมล็ดออก เช่น มะม่วง
3. การแช่น้ำเมล็ดพืชจะทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนตัวลง
จึงช่วยให้เมล็ดพืชงอกได้เร็วขึ้น วิธีการคือ นำมาแช่ในน้ำหรือน้ำอุ่น (ใช้น้ำร้อนผสมน้ำเย็น
อัตราส่วน 1:1) แช่นาน 30 นาที และปล่อยจนน้ำเย็น แช่ทิ้งไว้นาน 10-12 ชม.
จึงนำมาห่อผ้าเปียกไว้ รดน้ำ 2-3 วันพอเริ่มมีงอกขาว ๆ ปริ ๆ ออกมา
นำไปเพาะลงในถาดเพาะกล้าหรือถุงเพาะกล้า พืชที่นิยมแช่น้ำเมล็ด เช่น พริก มะเขือ
4. การเตรียมวัสดุเพาะกล้าพืช ทำได้โดยการผสมวัสดุปลูก : ดินร่วน : ปุ๋ยคอกละเอียดและเก่า : ขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 1 : 1 : 1 :
1 เมื่อผสมวัสดุเพาะกล้าแล้วนำกรอกลงในภาชนะ เช่น ถาดเพาะ กระถาง
ถุงพลาสติก ฯลฯ โดยใส่วัสดุเพาะกล้าลงในภาชนะประมาณ 2 ใน 3
ของความสูงของภาชนะบรรจุ ไม่ควรใส่ให้สูงล้นเต็มภาชนะ
เพราะเวลารดน้ำจะทำให้เมล็ดพันธุ์ไหลหลุดติดไปกับน้ำที่ใช้รด
5. เกลี่ยผิวหน้าวัสดุเพาะให้เรียบ และทำเป็นหลุมหรือร่องเล็ก ๆ
ตามขนาดความยาวของภาชนะ ระยะห่างระหว่างแถว ประมาณ 3 ซม. ลึกประมาณ 0.5-1 ซม.
6. โรยเมล็ดพันธุ์ลงไป ถ้าเป็นหลุมปลูก ควรหยอดเมล็ด 2-3 เมล็ด/
หลุม ถ้าโรยเป็นแถว ควรโรยบาง ๆ และกลบวัสดุปลูกทับเมล็ดพันธุ์ผักที่โรยไว้
7. ควรหว่านปูนขาวบาง ๆ ลงบนผิวของวัสดุปลูก
เพื่อป้องกันมดหรือแมลงเข้าทำลายเมล็ดพันธุ์
8. ควรวางภาชนะเพาะกล้าในที่ร่มรำไร และรดน้ำทุก ๆ วัน ละ 2 ครั้ง
ในช่วงเช้าและเย็น
9. เมื่อเมล็ดเริ่มมีใบจริง
ควรวางภาชนะเพาะกล้าให้ได้รับแสงสว่างในช่วงครึ่งวันเช้า
หรือใช้วัสดุพรางแสงกั้นบนภาชนะที่ใช้เพาะกล้า
เพื่อให้กล้าผักเริ่มปรับตัวแข็งแรงขึ้น
และไม่กระทบกระเทือนต่อสภาพการย้ายปลูกต่อไป
10. เมื่อกล้าที่เพาะโตและแข็งแรงแล้ว ควรทำการย้ายกล้าลงแปลงปลูก
11. ใสปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก รองก้นหลุมก่อนปลูก
เพื่อช่วยปรับสภาพดิน
หากเกษตรกรมีการเริ่มต้นทีดี
จะช่วยให้การดูแลและการจัดการภายในสวนง่ายขึ้น และสามารถลดการสูญเสียและปัญหาต่าง
ๆ ได้ในระดับหนึ่ง
CR : http://www.kasedtakon.com/54
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น