ให้น้ำแบบระบบน้ำหยดกับสวนมะนาวมีโทษมากกว่ามีคุณ

                ธรรมชาติของมะนาวรากจะไม่หยั่งลึกมากนัก และเป็นพืชที่มีระบบรากกระจายตัวออกไปรอบ ๆ ทรงพุ่ม โดยรากใหม่จะออกมาเสมอและเป็นฝอย จึงทำให้การดูดซับธาตุอาหารของมะนาวสามารถทำได้เร็วมาก เช่น ถ้าให้ปุ๋ยไปแล้วประมาณ 3-7 วัน มะนาวจะแสดงให้เห็นได้ทันทีเลยว่าใบเขียวตั้งขึ้นและอาจจะแตกยอดอ่อนออกมา หรือ งดให้ให้น้ำก็จะใช้เวลาไม่นานในการตอบสนองออกทางใบคือใบแห้วเหี่ยว

                สำหรับการให้น้ำมะนาวไม่ว่าจะแบบปลูกลงดินหรืองวงบ่อซีเมนต์ นั้นต้องให้น้ำทั่วถึงพื้นดินรอบ ๆ ต้นมากที่สุดสำหรับรากที่กระจัดกระจายตัวอยู่ทั่งไปต้องได้รับน้ำอย่างทั่งถึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง มีผู้ปลูกมะนาวมือใหม่หลายท่านมีแนวคิดว่าจะต้องใช้ระบบน้ำหยดเนื่องจากให้หยดไปเรื่อย ๆ จะได้ไม่ต้องมาให้น้ำบ่อย ๆ ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิด!!!

                อย่างที่กล่าวมาข้างต้น คือ มะนาวมีรากที่แผ่กระจายไปทั่ว และต้องการน้ำมาเป็นสื่อในการดูดซับธาตุอาหาร หากให้น้ำเพียงจุดใดจุดหนึ่งบริเวณโคนต้นก็ไม่สามารถทั่วถึงไปยังรากส่วนอื่น ๆ ได้ ทำให้มะนาวไม่สมบรูณ์ ใบเหลือง และมีผลกระทบต่อผลผลิต และที่สำคัญเมื่อหยดลงดินอยู่ที่จุด ๆ เดียวนาน ๆ ทำให้รากมะนาวเป็นเชื้อราและลุกลามในที่สุด ทำให้มะนาวไม่โต

                การให้น้ำมะนาวที่ถูกต้อง คือระบบการกระจายตัวไปรอบ ๆ ทรงพุ่มโดยใช้สปริงเกอร์ หรือ มินิสปริงเกอร์ โดยในช่วงหน้าแล้ง สำหรับการปลูกลงดินสามารถให้ 3-5 วันต่อครั้ง โดยในแต่ล่ะครั้งต้องให้ชุ่มฉ่ำมาก ๆ และสำหรับวงบ่อซีเมนต์สามารถให้ได้ทุกวันช่วงเวลาไหนก็ได้ เพราะวงบ่อซีเมนต์จะเป็นตัวเร่งในการดูดความชื้นออกไปด้วย

Cr : http://www.manowpan.com/news255.html