โรคแคงเกอร์
ในมะนาวรักษาโดยไม่ต้องใช้สารเคมี
โรคแคงเกอร์ นับว่าเป็นโรคที่อันตรายร้ายแรงอย่างยิ่งแก่พืชตระกูลส้ม
เพราะโรคนี้ค่อนข้างที่จะเข้าทำลายพืชตระกูลนี้ได้อย่างง่ายดาย
ถ้าสภาพของต้นอ่อนแอ โรคนี้สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Xanthomonas campestris pv citri
Hasse ซึ่งจัดเป็นโรคที่มักจะคอยสร้างปัญหา
ให้แก่เกษตรกรชาวสวนมะนาวและผู้ที่ปลูกพืชตระกูลส้มทั้งหลายกันเป็นจำนวนมาก
เพราะจะนำมาซึ่งความเสียหายในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้น กิ่ง ก้าน ใบ
และผลอีกด้วย คือสรุปง่ายๆ
ว่าลองได้โรคนี้เข้ามาละก็ เตรียมตัวเจ๊งกันได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ทั้งหลาย
เพราะโรคนี้จะทำให้ผลผลิตตกต่ำ
และอาจจะต้องเสียเงินเสียทองซื้อต้นพันธุ์ใหม่มาปลูกใหม่
วิธีการจัดการดูแลและรักษานั้นก็ใช่ว่าจะง่าย
ยิ่งถ้าเป็นสารเคมีด้วยแล้วก็ค่อนข้างที่จะอันตรายและมักจะไม่ค่อยได้ผลในระยะยาว ในกลุ่มผู้ที่นำสารเคมีเช่นคอปเปอร์เข้ามาใช้ก็อาจจะได้ผลในระยะแรกแต่ใช้ไปนานเข้า
ๆ
ก็จะทำให้ต้นมีปัญหาได้และเชื้อโรคแคงเกอร์ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม
ใช่ว่าจะหมดไปโดยสิ้นเชิง
และยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสารพิษตกค้างและสะสมในดินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย
ๆ สารพิษที่ตกค้างเหล่านี้อาจจะยังไม่ออกฤทธิ์ออกเดชทันทีในช่วงที่ดินและสภาพภูมิอากาศมีความชื้นอยู่เพียงพอ
เพราะความชื้นจากน้ำและสภาพภูมิอากาศจะเป็นตัวช่วยในการบรรเทาและเจือจางสารเคมีเหล่านั้นให้เป็นอันตรายน้อยลง
แต่ถ้าเข้าสู่ฤดูแล้งต้นฤดูหนาว ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีน้อยทำให้น้ำในดินระเหยออกไปในปริมาณมาก
ทำให้สารพิษเหล่านี้มีความเข้มข้นมากขึ้นจนเป็นพิษต่อมะนาว
ทำให้ต้นมะนาวทั้งหลายอ่อนแอลง
และเชื้อโรคฉวยโอกาสรวมทั้งโรคแคงเกอร์ก็เข้ามารบกวนและจู่โจมมะนาวของเราได้ในทันที
โรคแคงเกอร์ สามารถที่จะเข้าทำลายมะนาวได้เกือบทุกส่วนของต้นไม่ว่าจะเป็น กิ่ง ก้าน ใบ ลำต้น รวมทั้งผล ถ้าเป็นที่ใบอ่อนจะสังเกตเห็นได้ว่าเป็นจุดกลม
ๆ ฉ่ำน้ำ ออกสีเหลืองซีด ๆ หรือเขียวอ่อน
เมื่อขนาดของวงขยายใหญ่ขึ้นจะมีลักษณะฟูคล้ายๆ ฟองน้ำ
ซึ่งในเวลาต่อมาจะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม แตกสะเก็ด ขรุขระเป็นปุ่มนูนและแข็ง แต่ตรงกลางจะเป็นรอยบุ๋มยุบลงไป
และมีวงสีเหลืองล้อมรอบแผล สามารถที่จะมองเห็นได้ทั้งสองด้านของใบ
ถ้าปล่อยให้เป็นมากๆ ใบจะร่วงหล่น
โรคแคงเกอร์เข้าทำลาย
กิ่ง และก้าน ในระยะเริ่มแรกจะเกิดจุดสีเหลืองนูน
ฟูอยู่บนเปลือกของกิ่งและก้านมะนาว ต่อมาแผลนั้นจะค่อยๆ แตกและแห้งเป็นสะเก็ดสีน้ำตาล
แล้วลุกลามขยายออกไปตามความยาว หรือรอบกิ่งจนกลายเป็นปุ่มหรือ ปมขนาดใหญ่
รูปร่างไม่แน่นอน และไม่มีวงแหวนสีเหลืองล้อมรอบแผล
ถ้าเป็นโรครุนแรงหรือลุกลามขยายออกไปมากเข้าก็จะทำให้ต้นแคระแกร็น กิ่งก้านแห้งตาย
และทรุดโทรมอาจถึงตายได้
ต่อมาลักษณะอาการของโรคแคงเกอร์เข้าทำลายที่ผล
จะเกิดจุดแผลฝังลึกลงไปในผิวของผลอ่อน ลักษณะของแผลจะนูนคล้ายฟองน้ำ
มีสีเหลืองเข้ม
ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแตกสะเก็ดมีวงแหวนสีเหลืองล้อมรอบแผลทำให้เกิดการปริแตกตามรอยแผลของโรคแคงเกอร์
ในปัจจุบัน เราสามารถที่จะทำการรักษาโรคแคงเกอร์นี้ได้แล้ว
โดยที่ไม่ต้องไปใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายทั้งหลาย
รวมทั้งสารเคมีที่ชาวบ้านเรียกกันว่าสารเขียวหรือสารประกอบทองแดงก็ไม่จำเป็นต้องใช้
เพราะยิ่งใช้นานเข้าก็จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมความเลวร้ายให้แก่ต้นเพิ่มขึ้น
เพราะต้นเขาจะยิ่งอ่อนแอหรือตาย แต่โรคนั้นก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน
ควรเปลี่ยนมาใช้จุลินทรีย์ปราบโรค
แคงเกอร์ที่ชื่อว่า บีเอส พลายแก้ว ในปริมาณ 5 กรัม หมักกับน้ำมะพร้าวอ่อน
1 ผล โดยทำการเฉาะผลมะพร้าวอ่อนทำเป็นฝาแง้มเปิดหยอดเชื้อลงไปแล้วหมักทิ้งไว้ให้ได้
24 ชั่วโมงและไม่เกิน 48 ชั่วโมง แล้วนำมาผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก ๆ 7 วัน
ในช่วงระยะเวลาแดดอ่อน หรือจะใช้
นมยูเฮชที รสหวาน 1 กล่อง หรือ นมถั่วเหลือง (แลคตาซอย, ไวตามิ้ลท์) 1 กล่อง
นำมาเทใส่ถุงน้ำแข็งใส นำหนังยางมาผูกทำเป็นหูไว้ข้างหนึ่ง หยอดเชื้อลงไป 5
กรัม แล้วนำไปแขวนไว้ในที่ร่มทิ้งไว้โดยใช้ระยะเวลาเท่ากันกับวิธีหมักกับวิธีที่ใช้ผลของมะพร้าวอ่อน
หลังจากหมักได้ที่แล้วก็นำมาผสมกับ น้ำ 20
ลิตร ฉีดพ่นได้เหมือนกัน
CR : มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (www.thaigreenagro.com): https://www.gotoknow.org/posts/205419
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น